บทบาทของแบบกำหนดเอง บรรจุภัณฑ์ในดูแลส่วนตัว แบรนด์
การจัดเรียงบรรจุภัณฑ์ให้สอดคล้องกับเอกลักษณ์ของแบรนด์
ลักษณะการบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์มีความสำคัญอย่างมากในการแสดงถึงสิ่งที่แบรนด์ดูแลส่วนบุคคลยึดมั่น ซึ่งช่วยให้ผู้คนจดจำแบรนด์ได้ดีขึ้น เมื่อกล่องหรือภาชนะบรรจุภัณฑ์สอดคล้องกับแนวคิดที่บริษัทต้องการสื่อสารผ่านภาพลักษณ์ ลูกค้ามักจะสังเกตเห็นได้ทันที และมักจะรู้สึกผูกพันกับแบรนด์มากขึ้นในระยะยาว ตัวอย่างเช่น L'Oréal หรือ Unilever บริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ลงทุนอย่างหนักในบรรจุภัณฑ์พิเศษ เพราะพวกเขาทราบดีว่าความประทับใจแรกมีความสำคัญเพียงใด สีและแบบอักษรบนบรรจุภัณฑ์มีผลต่อความรู้สึกของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์จริงๆ ดังนั้นการใส่ใจรายละเอียดเหล่านี้จึงมีความแตกต่างอย่างมากเมื่อพยายามเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อเป้าหมาย งานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าประมาณ 7 จาก 10 คนสารภาพว่าพวกเขาเคยซื้อสินค้าเพราะรู้สึกว่าบรรจุภัณฑ์ดูดีน่าสนใจ นอกเหนือจากการโดดเด่นบนชั้นวางสินค้าแล้ว บรรจุภัณฑ์ที่ดีนั้นกลายเป็นการแสดงออกทางกายภาพถึงหลักการและแนวคิดที่แบรนด์ต้องการสื่อสารกับผู้บริโภค
ทัศนคติของผู้บริโภคและการดึงดูดบนชั้นวางสินค้า
บรรจุภัณฑ์ที่มีรูปลักษณ์สวยงามมีความสำคัญอย่างมากต่อการที่ผู้คนมองเห็นสินค้าและตัดสินใจซื้อ โดยผู้ซื้อส่วนใหญ่จะหยิบสินค้าจากชั้นวางโดยดูจากลักษณะภายนอกก่อนที่จะอ่านฉลาก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบรรจุภัณฑ์ที่สร้างสรรค์จึงโดดเด่นมากในร้านค้าที่เต็มไปด้วยสินค้าที่คล้ายกัน สีสันสดใส รูปทรงที่ไม่ซ้ำใคร และพื้นผิวที่น่าสนใจ ต่างมีบทบาทในการดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้หันมามองสินค้านั้นๆ ตามผลสำรวจล่าสุด ผู้ซื้อประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์เลือกซื้อสินค้าเพียงเพราะกล่องหรือภาชนะบรรจุภัณฑ์ดูดีกว่าสินค้าตัวอื่นๆ ความเชื่อมโยงระหว่างบรรจุภัณฑ์ที่น่าสนใจกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นนั้นชัดเจนจากงานวิจัยในอุตสาหกรรม บริษัทที่ลงทุนในด้านการออกแบบที่ชาญฉลาดมักจะได้รับการสังเกตเห็นได้ง่ายขึ้นบนชั้นวางสินค้า พร้อมทั้งสร้างการจดจำแบรนด์ที่แข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว ซึ่งสุดท้ายก็แปลว่ารายได้ที่เพิ่มมากขึ้น
กรณีศึกษา: กลยุทธ์บรรจุภัณฑ์แบบกำหนดเองที่ประสบความสำเร็จ
หลายบริษัทในธุรกิจสินค้าเพื่อการดูแลส่วนบุคคล ต่างได้รับผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากการคิดนอกกรอบในเรื่องบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น บริษัทโลรีอัล (L'Oréal) พวกเขาประสบปัญหาในการดึงดูดความสนใจให้โดดเด่นจากแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอื่น ๆ ที่เต็มไปด้วยชั้นวางสินค้าในร้านค้า บริษัทสามารถพลิกสถานการณ์ได้ด้วยการสร้างบรรจุภัณฑ์ที่ไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ยังใช้งานได้ดีขึ้นสำหรับลูกค้าด้วย บรรจุภัณฑ์ที่ได้รับการออกแบบใหม่ช่วยเพิ่มยอดขาย ในขณะที่ลูกค้าเริ่มรู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์มากขึ้น การวิจัยตลาดแสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวช่วยให้บริษัทได้รับส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่าบรรจุภัณฑ์ที่ดีนั้นมีความสำคัญอย่างแท้จริง อูนิลีเวอร์ (Unilever) ก็เดินตามแนวทางที่คล้ายกัน จนสามารถเติบโตทางธุรกิจได้ด้วยการห่อหุ้มผลิตภัณฑ์ไว้ในดีไซน์ที่สะดุดตาและกระตุ้นให้ผู้คนอยากซื้อ เมื่อเราได้พูดคุยกับผู้บริหารของบริษัทเหล่านี้ พวกเขาจะบอกกับเราว่า การตัดสินใจเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์อย่างชาญฉลาดสามารถสร้างหรือทำลายแบรนด์ในตลาดที่เต็มไปด้วยคู่แข่งในปัจจุบันได้ สิ่งที่ได้ผลดีที่สุดคือ บรรจุภัณฑ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายเฉพาะของแต่ละแบรนด์
การเลือกวัสดุสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่มีฟังก์ชันและยั่งยืน
วัสดุที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การเปลี่ยนไปใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลนั้นมีความสำคัญอย่างมากต่อสุขภาพของโลกเรา เมื่อวัสดุเหล่านี้สลายตัวตามธรรมชาติแล้ว จะก่อให้เกิดความเสียหายน้อยกว่าบรรจุภัณฑ์ทั่วไปที่คงอยู่และก่อให้เกิดมลพิษ เราได้เห็นบริษัทต่าง ๆ เริ่มทดลองใช้วัสดุทางเลือก เช่น พลาสติกจากพืชมากขึ้นในช่วงหลัง เนื่องจากช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เมื่อเทียบกับวัสดุแบบดั้งเดิม รายงานปีที่แล้วแสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนมาใช้วัสดุเหล่านี้สามารถลดขยะในหลุมฝังกลบได้อย่างมาก ยังไม่ต้องพูดถึงการป้องกันไม่ให้ขยะอันตรายไหลลงแม่น้ำและมหาสมุทร แล้วก็อย่างที่ทุกคนเข้าใจ คนในปัจจุบันให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น ผลสำรวจตลาดที่ออกมาเรื่อย ๆ ก็ให้ข้อมูลในทำนองเดียวกัน กล่าวคือ มีผู้บริโภคประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ที่เลือกซื้อยี่ห้อหนึ่งแทนอีกยี่ห้อหนึ่งเพียงเพราะว่าความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญาแบรนด์นั้น ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เมื่อทุกคนต้องการรู้สึกดีกับสิ่งที่ซื้อโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน
คุณสมบัติในการป้องกันสำหรับการถนอมผลิตภัณฑ์
คุณสมบัติในการป้องกันมีความสำคัญมากในบรรจุภัณฑ์ หากเราต้องการรักษาสภาพของผลิตภัณฑ์ให้คงเดิมและยืดอายุการเก็บรักษาไว้ วัสดุเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันสิ่งต่างๆ เช่น ความชื้น การสัมผัสด้วยแสง และการปนเปื้อนของออกซิเจน ซึ่งช่วยให้ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลยังคงความสดใหม่และใช้งานได้ดีเป็นเวลานาน ตัวอย่างเช่น ฟอยล์อลูมิเนียม หรือโครงสร้างฟิล์มหลายชั้นที่พบได้ทั่วไปในอุตสาหกรรม ซึ่งถูกนำมาใช้สร้างชั้นป้องกันที่มีประสิทธิภาพ เมื่อบริษัทตัดลดคุณภาพของการป้องกันที่ดี แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ผลิตภัณฑ์ สินค้าจะเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ลูกค้ารับรู้ถึงความแตกต่าง และสุดท้ายยอดขายก็ลดลง นอกจากนี้ หากพิจารณาจากตัวเลขทางการตลาดที่ปรากฏยังมีสิ่งน่าสนใจอีกด้วย คือ ผลิตภัณฑ์ที่บรรจุภัณฑ์มีการป้องกันที่ดีกว่า มักมีผลการดำเนินงานทางการเงินที่ดีกว่าในตลาด มีสินค้าคืนน้อยลง และแนวโน้มการซื้อโดยรวมที่แข็งแกร่งขึ้นจากผู้บริโภคที่มีความเชื่อมั่นในสิ่งที่เห็นบนชั้นวางสินค้า
ส่วนประกอบที่รีไซเคิลได้ในระบบบรรจุภัณฑ์แบบหมุนเวียน
แนวคิดเรื่องบรรจุภัณฑ์แบบวงจรปิด (Circular Packaging) ซึ่งวัสดุสามารถนำกลับมาใช้ใหม่และรีไซเคิลได้อย่างมีประสิทธิภาพ กำลังมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อทำให้อุตสาหกรรมสินค้าเพื่อการดูแลส่วนบุคคลมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เมื่อบริษัทต่าง ๆ เริ่มใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้จริง พวกเขาจะสามารถลดปริมาณขยะที่ไปสิ้นสุดที่หลุมฝังกลบ ขณะเดียวกันก็ช่วยสร้างเศรษฐกิจแบบวงจรปิดที่ทุกคนพูดถึงในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่นบริษัท Sustainable Packaging Technologies ที่ผ่านมาได้พัฒนาออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่รวมองค์ประกอบที่สามารถรีไซเคิลได้จริง ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์เชิงสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น พร้อมกับประหยัดต้นทุนทางธุรกิจได้จริง การดูจากตัวเลขยังบ่งชี้สิ่งที่น่าสนใจอีกด้วย อัตราการรีไซเคิลของผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลส่วนบุคคลโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้คนกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีคิดเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ที่ทำรีไซเคิลได้จริง ๆ ขณะนี้ผู้ซื้อประมาณ 7 จากทุก ๆ 10 คน จะตรวจสอบก่อนว่าบรรจุภัณฑ์สามารถนำกลับเข้าสู่ระบบได้หรือไม่ ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงชัดเจนไปสู่ความยั่งยืนตลอดทั้งอุตสาหกรรม
องค์ประกอบการออกแบบที่ยกระดับผลิตภัณฑ์การดูแลส่วนบุคคล
ความงามแบบเรียบง่ายเทียบกับการสร้างแบรนด์ที่โดดเด่น
การออกแบบบรรจุภัณฑ์มีความสำคัญอย่างมากในตลาดสินค้าดูแลส่วนบุคคลที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน ซึ่งผู้บริโภคมักตัดสินใจอย่างรวดเร็วจากสิ่งที่สะดุดตาเป็นอันดับแรก รูปแบบสไตล์มินิมอลได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลัง เพราะให้ความรู้สึกสะอาดตาและเรียบง่าย โดยไม่หวือหวาเกินไป ผู้คนชื่นชอบว่าการออกแบบลักษณะนี้เข้ากันได้ดีกับแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในการใส่ใจด้านความยั่งยืนและการใช้ชีวิตแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ในทางกลับกัน ก็ยังมีแบรนด์ที่เน้นใช้สีสันสดใสและกราฟิกที่โดดเด่นสะดุดตา เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคจากระยะไกล ในทางวิจัยตลาดพบว่าผู้คนมักมีแนวโน้มเลือกผลิตภัณฑ์อยู่ระหว่างสองขั้วที่แตกต่างกันนี้ โดยบางคนมองว่าความมินิมอลคือความสง่างามและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่อีกกลุ่มก็อดไม่ได้ที่จะสนใจความโดดเด่นที่บรรจุภัณฑ์ที่มีลวดลายฉูดฉาดสร้างขึ้น ตัวอย่างเช่นแบรนด์ Aesop ที่สร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์รอบแนวคิดของความงามที่เรียบง่ายผ่านบรรจุภัณฑ์ที่มีดีไซน์ล้ำสมัย ในขณะที่ Clinique ยังคงสร้างความน่าสนใจด้วยบรรจุภัณฑ์ที่มีสีสันจัดจ้านจนแทบจะดังก้องบนชั้นวางสินค้า
ผิวสัมผัสและการมีปฏิสัมพันธ์ทางประสาทสัมผัส
ในปัจจุบันนี้ บทบาทของความรู้สึกสัมผัสในบรรจุภัณฑ์ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมันส่งผลจริง ๆ ต่อประสบการณ์ของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ เมื่อพูดถึงพื้นผิวที่แตกต่างกันบนบรรจุภัณฑ์ เช่น พื้นผิวด้าน เงา หรือลวดลายปั๊มฟอยล์ที่ดูหรูหรา เหล่านี้มีผลต่อความรู้สึกทางอารมณ์ของผู้บริโภคที่มีต่อสิ่งที่เขากำลังซื้อ พื้นผิวด้านมักให้ความรู้สึกหรูหราและสงบ ส่วนพื้นผิวเงาจะสื่อถึงพลังงานและความทันสมัย ลองดูแบรนด์อย่าง Lush ที่ใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษห่อสบู่ที่มีลวดลายสัมผัส หรือกล่องเครื่องสำอางของ Chanel ที่ดูเรียบง่ายแต่ชวนให้ผู้คนอยากลูบไล้ ตัวอย่างจริงเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเหตุใดบริษัทถึงยินดีลงทุนเพิ่มในคุณสมบัติที่สามารถสัมผัสได้ มีงานวิจัยยืนยันเช่นนี้ด้วย โดยแสดงให้เห็นว่าเมื่อบรรจุภัณฑ์สามารถกระตุ้นประสาทสัมผัสของเราได้ คนเราย่อมมีมุมมองต่อผลิตภัณฑ์เปลี่ยนไป และมีแนวโน้มที่จะซื้อของบ่อยขึ้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ดี ๆ ยังคงลงทุนในดีไซน์เชิงสัมผัสที่ดี เพื่อดึงดูดความสนใจและรักษาลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำ
ฉลากหลายภาษาสำหรับตลาดโลก
การเป็นสากลทำให้ฉลากหลายภาษาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบริษัทที่ต้องการก้าวเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบท้องถิ่นต่างๆ เกี่ยวกับข้อมูลที่จำเป็นต้องแสดงบนบรรจุภัณฑ์ รวมถึงตอบสนองกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้ภาษาต่างกันในชีวิตประจำวัน หลายแบรนด์มีความยากลำบากในการแปลข้อมูลผลิตภัณฑ์ เนื่องจากต้องการให้ทุกอย่างมีรูปลักษณ์เหมือนกันทั่วโลก แต่ยังคงความหมายที่ชัดเจนในแต่ละภาษา จากการสำรวจพบว่า ผู้ซื้อส่วนใหญ่มักหยิบสินค้าขึ้นมาพิจารณา หากพวกเขาสามารถอ่านข้อมูลภายในบรรจุภัณฑ์ได้ก่อน ลองสังเกตดูว่าดอฟ (Dove) และแพนทีน (Pantene) จัดการบรรจุภัณฑ์ขวดแชมพูของตนในแต่ละประเทศทั่วโลก บรรจุภัณฑ์เหล่านี้ถูกแปลเป็นภาษาท้องถิ่นมากกว่าสิบภาษา เพื่อให้ผู้บริโภคทราบอย่างชัดเจนว่าพวกเขาซื้ออะไร เมื่อลูกค้าเห็นภาษาของตนเองบนผลิตภัณฑ์ พวกเขามักมีความไว้วางใจในแบรนด์มากขึ้น และรู้สึกมั่นใจในการตัดสินใจซื้อโดยไม่ลังเลใจ
นวัตกรรมใน Personal care packaging โซลูชัน
บรรจุภัณฑ์อัจฉริยะพร้อมฟีเจอร์โต้ตอบ
บรรจุภัณฑ์อัจฉริยะแบบโต้ตอบกำลังเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนมีปฏิสัมพันธ์กับสินค้าดูแลส่วนบุคคลในแบบที่เราไม่เคยจินตนาการมาก่อน เทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ล่าสุดรวมถึงสิ่งต่าง ๆ เช่น รหัส QR และชิป NFC ขนาดเล็กที่ช่วยให้ผู้คนสามารถรับข้อมูลเพิ่มเติมต่าง ๆ ได้โดยตรงจากโทรศัพท์มือถือของตนเอง ตัวอย่างเช่น บริษัทด้านความงามหลายแห่งกำลังติด QR Code ลงบนผลิตภัณฑ์เกือบทุกชนิดในปัจจุบัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถสแกนและดูรายชื่อส่วนประกอบ ศึกษาเทคนิคการใช้งานที่เหมาะสม หรือแม้แต่ปลดล็อกข้อเสนอพิเศษได้ทันที นอกจากนี้ ลอรีอัล (L'Oreal) ก็ให้ความสำคัญกับแนวทางนี้อย่างจริงจังเช่นกัน โดยได้เพิ่มคุณสมบัติอัจฉริยะในผลิตภัณฑ์หลายรุ่น ซึ่งช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าผ่านประสบการณ์ที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคลและระบบให้รางวัล ผลการวิจัยตลาดบางชิ้นชี้ให้เห็นการเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจในอัตราการมีปฏิสัมพันธ์ของผู้บริโภคกับบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะเหล่านี้ โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา การเติบโตในลักษณะนี้จึงแสดงให้เห็นถึงเหตุผลว่าทำไมแบรนด์ต่าง ๆ ถึงเริ่มลงทุนในเทคโนโลยีนี้อย่างหนัก แม้จะมีต้นทุนเริ่มต้นที่สูงก็ตาม
รูปแบบที่ควบคุมปริมาณและสะดวกต่อการพกพาไปเดินทาง
ในปัจจุบัน ผู้คนนิยมซื้อผลิตภัณฑ์ที่บรรจุภัณฑ์ควบคุมปริมาณการใช้ในหมวดสุขอนามัยส่วนบุคคลมากขึ้น เพราะต้องการสิ่งที่หยิบใช้ได้สะดวกและรวดเร็วเมื่อต้องการ บรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้ในปริมาณที่ต้องการโดยไม่มีการสูญเสียหรือเหลือผลิตภัณฑ์ไว้มากเกินไปหลังใช้งานเพียงครั้งเดียว บรรจุภัณฑ์ขนาดพกพาสำหรับเดินทางก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ผู้คนกำลังกลับมาเดินทางท่องเที่ยวหรือเคลื่อนย้ายมากขึ้นหลังจากมาตรการล็อกดาวน์ที่ผ่านมา ใครบ้างที่ไม่เคยลองนำขวดแชมพูขนาดเล็กและหลอดครีมบำรุงผิวขนาดมินิใส่กระเป๋าเดินทางไปบ้าง พวกนี้พกใส่กระเป๋าถือขึ้นเครื่องได้สะดวก และไม่หกเลอะเทะระหว่างเที่ยวบิน ตามข้อมูลตัวเลขล่าสุดที่มีอยู่ ตลาดบรรจุภัณฑ์ที่เน้นความสะดวกกำลังเติบโตประมาณร้อยละ 6 ต่อปี ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ดี เพราะทุกคนต่างมองหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตที่ยุ่งวุ่นวายของเรา และช่วยให้ออกจากบ้านได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
เทคโนโลยีลอกและปิดซ้ำเพื่อรักษาความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์
เทคโนโลยีปิดเปิดซ้ำได้เป็นวิธีอัจฉริยะที่ช่วยรักษาความสดของผลิตภัณฑ์หลังจากที่เปิดใช้งานแล้ว โดยพื้นฐานแล้ว ระบบทำงานโดยการเพิ่มชั้นพิเศษบนบรรจุภัณฑ์ที่สามารถลอกเปิดและปิดซ้ำได้หลายครั้งโดยไม่ทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์ด้านในเสียหาย ทั้งแผ่นเช็ดเปียก กระดาษทิชชูสำหรับใบหน้า หรือแม้กระทั่งแป้งแต่งหน้า สามารถคงสภาพได้ดีเมื่อเก็บรักษาด้วยวิธีนี้ เนื่องจากเนื้อหาไม่สัมผัสกับอากาศและความชื้น ผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่เคยใช้บรรจุภัณฑ์แบบนี้ต่างชื่นชอบเพราะช่วยให้ผลิตภัณฑ์คงความสดได้นานขึ้น ตัวอย่างเช่น Huggies แผ่นเช็ดทำความสะอาดสำหรับเด็กอ่อน ที่เปลี่ยนมาใช้ระบบดังกล่าวตั้งแต่หลายปีก่อน คุณพ่อคุณแม่ต่างสังเกตเห็นความแตกต่างว่าแผ่นเช็ดมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ในทำนองเดียวกันกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจาก Neutrogena ที่ลูกค้ารายงานว่าเครื่องสำอางค์ไม่จับตัวเป็นก้อนหรือติดเป็นคราบเร็วเท่าที่เคยเป็น งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าประมาณ 7 จาก 10 ของผู้ซื้อเลือกซื้อผลิตภัณฑ์โดยดูจากความสดใหม่ที่ปรากฏบนบรรจุภัณฑ์ ดังนั้นแบรนด์ที่ลงทุนกับนวัตกรรมเช่นนี้มักได้รับความพึงพอใจจากลูกค้ามากขึ้นโดยรวม